วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รู้สกี้ มูเซ สวรรค์คนรักศิลปะ


THE CENTRAL ASIAN EXPEDITION
THE CENTRAL ASIAN EXPEDITION

สวัสดีค่ะแฟนเพจอูดาชี่
(ขายทัวร์ไม่ค่อยได้ จึงเริ่มตั้งตนเป็นเพจเพื่อความบันเทิง)ผ่านกันไปแล้วกับฤดูร้อนของรัสเซีย เข้าสู่ฤดูไปไม้ร่วงมาแล้วครึ่งทาง
อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัวทั้งนี้ ขอแสดงความยินดีกับพี่ๆ น้องๆ ชาวไทยที่ยังอยู่รัสเซีย
เพราะ จากประสบการณ์และความเห็นส่วนตัว
หน้าร้อน ร้อนตับแตก +30 องศาอัพขนาดนี้ หน้าหนาวปีนี้ก็มาแรง ชัวร์
ส่วนใครจะไปรัสเซียฤดูหนาวนี้ นอกจากเตรียมเสื้อผ้าอบอุ่นแล้ว
เตรียมตัวขนลุกไว้ด้วยได้เลยค่ะ
——–
จริงๆ แล้ว สเตตัสนี้สืบเนื่องจากฤดูร้อนที่ผ่านมา แอดมินมีโอกาสได้แว้บบบบบ เข้าไปดูนิทรรศการงานแสดงภาพเขียนชั่วคราว (วเร้เมนนายา วึ่ยสตัฟก่ะ – Временная Выставка) ที่ Russian State Museum หรือเรียกเป็นภาษารัสเซียพื้นบ้าน (ปา-รุสกี้) ว่า รุสกี้ มูเซย์ พิพิธภัณฑ์หลักของเมือง St. Petersburg มาค่ะ
(เอาเข้าไป! สเตตัสเดียว ทำทุกอย่าง
สอนภาษารัสเซียไปด้วย แนะนำที่เที่ยวไปด้วย)
———
โอเค! เข้าเรื่อง
รุสกี้ มูเซย์ เป็น พิพิธภัณฑ์ที่จัดรวมเอาภาพเขียน และงานศิลปะของ artist ชื่อดังชาวรัสเซีย เข้าไว้ด้วยกัน มีทั้งโซนจัดแสดงงานแบบถาวร และ โซนนิทรรศการชั่วคราว ซึ่งมักนำคอลเลคชั่นภาพเขียนของจิตรกรชื่อดัง มาจัดแสดงระยะสั้น
ปีนี้ มีการจัดแสดงนิทรรศการภาพเขียนของ นิโคลัย เรริค (Nicholas Roerich) จิตรกรคนโปรดของแอดมินเอง เพราะ นิโคลัย เรริค นอกจากจะเป็น นักเขียน นักคิด และจิตรกรคนสำคัญ ของรัสเซียแล้ว ยังเป็นนักเดินทางตัวยงอีกด้วย
การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ จนเป็นตำนานของลุงเรริค คือ THE CENTRAL ASIAN EXPEDITION ซึ่งใช้เวลาเดินทางถึง 5 ปี
เริ่มต้นจากเขตสิกขิม อินเดีย เข้าเขตปันจาป แคชเมียร์ ลาดักห์ ทะลุเอเชียกลาง ข้ามเทือกเขาคาราโครัม ไปอูรุมชิ ในจีน เข้ามองโกลเลีย ผ่านทะเลทรายโกบี ไปยังเทือกเขาอัลไต ในรัสเซีย ซึ่งเป็นการเดินทางแบบคาราวาน คือเดินเท้า สลับกับม้า แล้วเดินทางต่อจากไซบีเรีย ไปมอสโคว
(จิตใจของลุงทำด้วยอัลไล ฮืออออ)
ตลอดชีวิตของลุง ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีพจรลงเท้า ย้ายไปย้ายมาตลอด
ไอดอลแอดมินเลย
ชอบเที่ยว
————-
งานของลุงเรริค ส่วนใหญ่เป็นภาพเขียนสีน้ำมัน สีสันจัดจ้าน แต่ดูเข้าถึงง่าย ภาพเขียนที่นำมาจัดแสดงใน รุสกี้ มูเซย์ แบ่งเป็น 2 คอลเล็คชั่น คือ
คอลเลคชั่นภาพเขียน Landscape แถบหิมาลัย เลห์ ลาดักห์ ซึ่งเป็นคอเล็คชั่นดังสุดฮิตของ ลุงเรริค เนื่องจากในสมัยนั้น ความกันดารของหิมาลัย ใครจะไปจะมา ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมลุงเป็นคนแรกๆ ที่กล้าและบ้าบิ่นพอ ที่จะเดินทางเสี่ยงและนานขนาดนี้ ลุงจึงกลับมาพร้อม material เป็นกระตั๊ก
อีกคอเลคชั่น คือ คอเลคชั่นภาพเขียนภาพประกอบนิทานพื้นบ้านรัสเซีย สวยงาม บางงานชิ้นใหญ่กว่าฝาบ้าน แต่งานน่ารัก สีสันสดใส น่าหลงใหล ราวกับทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิทานพื้นบ้านรัสเซีย
น้องๆ ที่กำลังเรียนเกี่ยวกับภาษารัสเซีย หรือ คนที่สนใจภาพเขียน
สามารถหาดูงานของ เรริค ได้ ตาม รุสกี้ มูเซย์, ตริทิยาคอฟสกาย่า กาเลียเรย่า
และ เสริชกูเกิ้ลเอาได้เลยค่ะ
ส่วนหน้าหนาวนี้ ใครจะไปรัสเซีย ถ้าหนาวจนทนไม่ไหว ก็แวะเข้า รุสกี้ มูเซย์ ไปชมงานศิลปะของจิตรกรชาวรัสเซียกันนะคะ สวยๆ ทั้งน้านนนนนน
หนุ่มๆ สาวๆ รัสเซียส่วนใหญ่ก็เข้าไปเดินก็จีบกันในพิพิธภัณฑ์นี่แหละค่ะ หิมะจะตก ก็ตกไปเหอะ เดินจูงมือกันหนุงหนิง มุ้งมิ้ง ชมภาพเขียนในพิพิธภัณฑ์ อบอุ่นและโรแมนติกสุดๆ นะ
ไม่เชื่อลองดูนะ
แอดมินลองมาแล้ว



THE CENTRAL ASIAN EXPEDITION
THE CENTRAL ASIAN EXPEDITION
THE CENTRAL ASIAN EXPEDITION
THE CENTRAL ASIAN EXPEDITION
THE CENTRAL ASIAN EXPEDITION
THE CENTRAL ASIAN EXPEDITION

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ความสัมพันธ์ด้านการศึกษาไทย-รัสเซีย

อัครราชทูตนำทีมนักการทูตเข้าพบสถาบันการศึกษาชั้นนำของรัสเซีย
เพื่อปูทางในการขยายความสัมพันธ์ทางการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมให้แก่สถาบันการศึกษาและวิจัยของไทย

cr: สถานทูตไทยในรัสเซีย
http://tpu.ru/en/news-events/410/
#udachi #thaiembassy #education #russia

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

งานรวมศิษย์เก่ารัสเซียศึกษา


เชิญชวนร่วมงานรวมตัวเด็กรัสเซี๊ย รัสเซีย ทั่วราชอาณาจักรไทย
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถเข้าร่วมงานนี้ได้ ศิษย์เก่า แฟนศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์สถาบันอื่น คนเลิฟรัสเซีย คนชอบปูติน คนรักหมีขาว 

Theme: Colors of Matryoshka 
Venue: Asia Hotel Bangkok 
Sat 8 Nov 17.00 onwards 

การโอนเงิน 
ธนาคารกรุงเทพ สาขารัชโยธิน
เลขบัญชี: 941-0-13163-6
ชื่อบัญชี: น.ส.ศรีวรา ผาสุขดี และ น.ส.ภรณีนิจจรัลกุล

แจ้งชื่อนามสกุล เบอร์โทร พร้อมถ่ายสลิปเงินโอนเข้าเมลชมรม rsatu2014@gmail.com

หลังจากได้รับสลิปแล้วจะส่งเมลคอนเฟิร์มกลับพร้อมกับบัตรออนไลน์ค่า

ถ้าโอนก่อน 20 ก.ย. จะมีของที่ระลึกสุดพิเศษให้ด้วยนะค้า 

จัดโดย ชมรมศิษย์เก่ารัสเซียศึกษา ธรรมศาสตร์

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

"อูดาชีมีแต่ให้"


อยากเชิญชวนทุกท่านมาร่วมทำบุญกับอูดาชีเพื่อน้องบนดอยและช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวกัน ทางบริษัทเห็นว่าเมื่อเรามีรายได้ เราก็ควรแบ่งปัน ก็เลยเกิดเป็นโครงการ "อูดาชีมีแต่ให้" ทางบริษัทจะมีการจัดทำเสื้อยืดจำหน่าย รายได้ทั้งหมดเพื่อการกุศลโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมงานอยู่ ใครอยากร่วมทำบุญกับเราก็รอติดตามต่อไปนะ เอาลายเสื้อมาเรียกน้ำย่อยก่อน 

ราคาตัวละ 250 บาท

ใครสนใจจับจองกันก่อนได้เลย มีทั้งหมด 2 ลายเป็นคำพูดคู่กัน 
ซ้าย: Удачи тебе "udachi tebe" โชคดีนะ
ขวา: Береги себя "beregi sebya" เทคแคร์ล่ะ 


วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

รัสเซีย: Rooftop Tour ไต่หลังคา แตะขอบฟ้าเมือง St. Petersburg


สวัสดีอีกครั้งจากเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซียค่ะ ช่วงนี้ใกล้กลับประเทศไทยแล้ว ก็เลยพอมีเวลามารีวิวทริปเล็ก ทริปน้อย เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยมาเที่ยวรัสเซียกันเยอะขึ้นนะคะ (ติดตามกระทู้เก่าที่เคยรีวิวทริปสั้นๆของพวกเราได้ตามสะดวกเลยค่ะ) ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กและเมืองรอบๆข้างเคียงมันทั้งสวย ทั้งขลัง ดังนั้นว่างเมื่อไหร่เป็นต้องจองตั๋วรถไฟออกไปเที่ยวกันค่ะ แต่ทริปที่มารีวิวครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นทริปที่ไม่ได้ออกไปนอกเมือง ไม่ได้ไปเที่ยวสถานที่สำคัญของเมือง ไม่ได้อยู่ในที่ราบ ไม่ได้อยู่บนพื้นทวีป แต่พวกเรากำลังอยู่บนหลังคาบ้านคนอื่นค่ะ!!!


หลังจากเห็นภาพสวยๆในมุมสูงมากมายของเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก พวกเราก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลว่าทำยังไงถึงจะได้ไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นบ้าง แน่นอนว่าจะไปปีนบ้านใครสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าไม่ตกลงมา ก็มีหวังถูกจับติดคุกรัสเซียเป็นแน่แท้ ประจวบเหมาะกับที่การที่อูดาชีเสนอตัวเป็นสปอนเซอร์พาไปชมเมืองมุมสูงแบบที่คนรัสเซียเองยังต้องประหลาดใจ พวกเรารีบตกลงกันทันที ในที่สุดก็ได้เป็นทริป รูฟท็อป (Rooftop) ให้ไปแตะขอบฟ้าครั้งนี้ขึ้นมาค่ะ


การปีนขึ้นรูฟท็อปไม่ใช่ว่าใครจะไปก็ได้ ต้องมีเส้นสายกับเจ้าของตึกที่จะไปปีน ต้องรู้จักทางหนีทีไล่ รู้วิธีเปิดประตู วิธีลอดใต้หลังคา เรียกว่าต้องเซียนค่ะ ถึงจะได้ขึ้นไปบ้าง ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องพึ่งพาไกด์ชาวรัสเซียที่อูดาชีแนะนำมาให้พาขึ้นไปค่ะ ซึ่งไกด์ของเราในวันนี้ชื่อมาการิต้า นางเป็นสาวชาวรัสเซียที่พูดภาษาอังกฤษได้ แถมเคยไปเมืองไทยมาแล้วตั้งหลายรอบ ก็เลยตี้ซี้กันได้ไม่ยากค่ะ

อันดับแรกเลยพวกเรามาถึงสถานีเมโตรดอสตาเยฟสกายา (Dostoevskaya) ตามเวลานัดคือ 1 ทุ่ม สำหรับใครที่คิดว่าดึกไปมั้ย ขอบอกว่าไม่จริงค่ะ เพราะยิ่งในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เป็นช่วงที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสว่างไปทั้งเมือง ทั้งวัน ทั้งคืน เรียกว่า White Nights เวลาประมาณทุ่มกว่าๆนี่แหละ จึงเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดในการขึ้นชมรูฟท็อปเคล้าแสงทองของพระอาทิตย์


มาการิต้าเดินนำพวกเราอ้อมตึกแล้วตึกเล่า ผ่านพื้นที่ใช้สอยระหว่างตึกที่เรียกว่าคอร์ท ยาร์ด (court yard) บ้างก็เป็นสวน บ้างเป็นสนามเด็กเล่น เรียกง่ายๆว่าเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของคนในตึกนั่นเอง และแล้วหลังจากเดินกันมาสัก 10 นาที พวกเราก็ได้มาถึงตึกเป้าหมาย จะเห็นว่าตึกดังกล่าวถูกปิดอย่างแน่นหนาด้วยประตูเหล็กหลายชั้น แต่มาการิต้าก็ไม่หวั่น นางเอื้อมมือลอดลูกกรงผ่านช่องแคบๆ เพื่อไปสะเดาะกลอน ก่อนจะยิ้มร่าบอกว่าเป็นเคล็ดลับง่ายๆในการเข้าตึกนี้ พวกเราเริ่มกังวลว่าจะถูกใครกล่าวหาว่าแอบเข้าบ้านคนอื่นรึเปล่านี่ แต่มาการิต้าคอนเฟิร์มเต็มที่ว่านางซี้กับเจ้าของตึกเป็นอย่างดี ไม่ต้องห่วง

หลังจากเข้ามาภายในอาคารได้แล้ว จะเห็นว่าตึกแห่งนี้สร้างขึ้นโดยมีพื้นที่ตรงกลางให้เป็นคอร์ท ยาร์ดเอาไว้นั่งจิบน้ำชายามบ่าย มาการิต้าเล่าว่าสาเหตุที่คนรัสเซียนิยมอาศัยอยู่ในตึกแบบนี้เพราะว่าพื้นที่เมืองหนาแน่น อีกทั้งบ้านก็ราคาแพงมาก คนรัสเซียส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ แต่ยังดีที่มีคอร์ท ยาร์ดข้างล่างให้ได้นั่งเม้ามอยกับเพื่อนฝูงบ้าง ในอดีตคอร์ท ยาร์ดเหล่านี้ก็เป็นสถานที่ซ่องสุมขององค์การใต้ดินต่างๆเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐบาลอีกด้วย แต่ที่พิเศษมากๆเลยก็คือ เกือบทุกคอร์ท ยาร์ด จะได้รับการออกแบบเป็นรูปต่างๆ อย่างเช่นตึกที่เรามาวันนี้ก็ถูกออกแบบให้เป็นรูปกีบเท้าม้า แต่ต้องแหงนหน้ามองให้ดีในมุมที่ถูกต้องด้วยนะคะ


เดินชมคอร์ท ยาร์ดไปพลางๆ สุดท้ายเราก็เข้ามาในตัวอาคารจนได้ มาการิต้านำเราไปทางบันไดหนีไฟ เดินขึ้นไปหลายต่อหลายชั้นจนหอบแฮ่ก ก่อนจะมาหยุดตรงห้องใต้หลังคาของตัวอาคาร จุดนั้นมืดมาก ไม่สามารถมองอะไรเห็นได้เลยจริงๆ แต่ด้วยความช่ำชองของมาการิต้า นางสามารถไขกุญแจท่ามกลางความมืดมิดก่อนที่จะเปิดหน้าต่างบานเล็กๆของห้องใต้หลังคาและชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้เราไต่ออกไป


ถึงแม้จะทุลักทะเลในการยกตัวหนักๆของพวกเราลอดออกจากหน้าต่างบานเล็กๆเพื่อปีนออกสู่หลังคาของตึก แต่เมื่อรูม่านตาของพวกเรากลับคืนมาสู่สภาพปกติแล้ว ในที่สุดพวกเราก็ได้เห็นความงามของเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กที่เราเฝ้าอุตส่าห์ฝันถึง ภาพแรกที่เห็นคือมันสวยงามมากกกกกกกกกกกกก ภาพของหลังคาสีสนิม กับตึกสีเหลืองแก่สลับสีชมพูอ่อน มันโคตรเข้ากัน มันคลาสสิค มันวินเทจ มันคูล มันโรแมนติก คือมันสวยกว่าที่คิดเยอะมากกกกกก เหมือนเรามาอยู่ในจุดที่มันไม่ได้จะมีใครมาเห็นกันได้ พวกเราทุกคนเงียบสนิทเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ประกอบกับลมที่พัดสบายๆ ทำให้แอบเคลิ้มจนไม่มีใครสนใจมาการิต้าเท่าไหร่นัก พูดมากอาจนึกไม่ค่อยออก ลองมาดูรูปที่พวกเราถ่ายมา บวกความสวยอีก 50% ในสถานที่จริง ถ้ามีโอกาสก็อย่าพลาดการไต่ขอบฟ้าแบบพวกเรานะคะ



หลังจากดื่มด่ำความงามในมุมสูงมาซักระยะตามสมควร มาการิต้าก็หันเหความสนใจของพวกเราโดยการพยายามอธิบายให้ฟังว่าตึกรามบ้านช่องในเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กล้วนแล้วแต่สูงเท่าๆกัน เพราะนั่นเป็นกฎของเมืองที่ว่าห้ามสร้างสิ่งก่อสร้างใดๆก็ตามให้สูงเกินกว่าตึกของวังฤดูหนาวหรือพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ แต่ตึกนี้สูงกว่าตึกทั่วไปหน่อยนึง ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้ชัดเจน


มาการิต้าชี้ชวนให้ดูโบสถ์ข้างๆ ที่ชื่อว่าโบสถ์วลาดิเมียร์ ที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวอตาลีที่ชื่อราสเต็ลลี (Rastrelli) อีกทั้งยังชี้ชวนให้ดูถนนสายดังของเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กอย่างเนฟสกี้ ปรอสเปค แต่ถึงแม้ว่าโบสตถ์จะสวยงามมากขนาดไหน หรือถนนสายดังกล่าวจะคึกคักเพียงใด แต่เมื่อเทียบกับบรรยากาศขอบฟ้าสีทองมลังเมลืองแล้วละก็ พวกเราทั้งสี่คนตกอยู่ในมนต์สะกด จนไม่สามารถกลั่นกรองคำใดๆที่จะบรรยายความสวยงามขนาดนั้นได้



มาการิต้าพาไต่หลังคา ลัดเลาะไปรอบๆเพื่อให้เห็นทัศนียภาพโดยรอบแบบ 360 องศา ทั้งแม่น้ำฟอนตานก้า (Fontanka) โบสถ์หยดเลือด โบสถ์คาซานและวิหารเซนต์ ไอแซค เรียกได้ว่าเหนื่อยแปปเดียวแต่ได้เห็นเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กในมุมที่สวยเกินฝัน อีกทั้งยังเป็นแบบพาโนรามาให้ครบสมบูรณ์อีกด้วย ถึงแม้ว่าเส้นทางการไต่หลังคาจะค่อนข้างทุลักทุเลไปบ้าง แต่นางก็ยืนยันถึงความปลอดภัย โดยการมีกำแพงเหล็กคอยช่วยเซฟเผื่อใครเผลอลื่นตกลงไป นั่นก็ช่วยทำให้พวกเราสบายใจได้มาก ก่อนที่จะเริ่มกระหน่ำชัตเตอร์กันอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเก็บรูปสวยๆมาเป็นที่ระลึก



แพ็คเกจที่ให้คู่รักสามารถมาเดทกัน มาจิบไวน์ จู๋จี๋บนหลังคาโดยนางจะจัดหาทุกสิ่งอย่างให้ก่อนเฟดตัวให้อยู่กันสองต่อสองบนหลังคา หรือจะมาขอแต่งงานบนสถานที่แบบนี้เลยก็ได้เพราะบรรยากาศโรแมนติกแบบนี้มันไม่ได้หากันได้ง่ายๆ พวกเราหุบยิ้มแทบไม่ทัน ก่อนกลบเกลื่อนความโสดพร้อมปาดน้ำตาสวยๆ ด้วยการบอกว่ายังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานอะไรตอนนี้สักกะนิด


มาการิต้าเดินมาส่งพวกเราที่สถานีเมโตรที่นัดเจอครั้งแรกอีกครั้ง ก่อนแลกเปลี่ยน Facebook เผื่อมีโอกาสจะได้เจอกันอีก จบทริปครั้งนี้ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพครั้งใหม่ พร้อมความปลื้มใจนิดๆว่าในที่สุดพวกเราก็ได้มาถึงจุดที่สวยมากที่สุดอีกจุดหนึ่งของเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สุดท้ายขอบคุณสปอนเซอร์ใจดีที่ทำให้ทริปดีๆแบบน้ีเกิดขึ้นได้ แน่นอนว่าการค้นพบสถานที่พิเศษที่งดงามตราตรึงใจขนาดนี้ มันไม่สามารถเก็บไว้กับตัวเองได้ แต่ต้องแบ่งปันประสบการณ์ดีๆเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกันค่ะ


ทิ้งท้ายไปด้วยคำคมดีๆที่ฝากไว้ที่ปลายฟ้าค่ะ


ข้อมูลและภาพ: http://pantip.com/topic/32314443

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ภาษารัสเซียและวรรณกรรม

ภาษารัสเซียและวรรณกรรม


image(2)ภาษารัสเซีย
รัสเซียประกอบไปด้วย 160 ชาติพันธุ์ ซึ่งพูดภาษากว่า 100 ภาษาที่แตกต่างกัน เช่นภาษาตาตาร์ ภาษายูเครน แต่ใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการ ตามรัฐธรรมนูญได้ประกาศให้แต่ละเขตการปกครองสามารถใช้ภาษาท้องถิ่นควบคู่กับภาษารัสเซียได้ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดในรัสเซียและแถบยูเรเชีย ทั้งยังเป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดเมื่อเทียบกับภาษาในกลุ่มภาษาสลาฟ เช่น ภาษาเบลารุส ภาษายูเครน
หนังสือเกี่ยววิทยาศาสตร์กว่าครึ่งที่มีอยู่ในโลกถูกตีพิมพ์เป็นภาษารัสเซีย รวมถึงหนังสือแขนงต่างๆอีกด้วย ดังนั้น แหล่งความรู้ของทั้งโลกจึงรวมอยู่ที่รัสเซียเกือบทั้งหมด รวมถึงนิสัยรักการอ่านของชาวรัสเซียเอง ทำให้รัสเซียกลายเป็นประเทศที่เป็นตัวแปรสำคัญของวิทยาการต่างๆมาแต่ไหนแต่ไร นอกจากนี้ภาษารัสเซียยังเป็นภาษากลางในสหประชาชาติอีกด้วย

วรรณกรรม
วรรณกรรมรัสเซีย ซึ่งสร้างอิทธิพลและการพัฒนาของโลก มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 โดยมิคาอิล ลามาโนซอฟ (Mikhail Lomonosov) ถัดมาในศตวรรษที่ 19 คือ “ยุคทองแห่งกวีรัสเซีย” โดยนักกวีผู้โด่งดังแห่งยุคนี้ ได้แก่ อเล็กซานเดอร์ ปุชกิ้น (Alexander Pushkin) ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นเชคสเปียร์แห่งรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีนักประพันธ์คนสำคัญอีกมากมาย อาทิ มิคาอิล เลอมอนตอฟ(Mikhail Lermontov), อันโตน เชคอฟ(Anton Chekhov), นิโคลัย โกกอล(Nikolai Gogol), อีวาน ตูร์เกนเนฟ(Ivan Turgenev), ลีโอ ตอลสตอล(Leo Tolstoy), ฟีโอดอร์ ดอสตาเยฟสกี้ (Fyodor Dostoyevsky) ซึ่งผลงานของพวกเขาถูกยกย่องเป็นบทประพันธ์ระดับโลก หลังจากปี ค.ศ. 1880 วรรณกรรมบของรัสเซียได้เปลี่ยนแปลงไป จากนวนิยายอันยิ่งใหญ่กลายเป็นฟิคชั้นเรื่องสั้น หรือที่รู้จักกันใน “ยุคเงินแห่งกวี” นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ อาทิ อเล็กซานเดอร์ บล็อค (Aleksandr Blok), อีวาน บูนิน (Ivan Bunin), และมักซิม กอร์กี้ (Maxim Gorky)
หลังจากการปฏิวัติรัสเซียในปี ค.ศ. 1917 แนวทางวรรณกรรมของรัสเซียได้เปลี่ยนไป โดยจะเป็นผลงานที่กล่าวถึงวัฒนธรรมและชวนเชื่อระบบสังคมนิยม ทำให้นักเขียนอพยพออกนอกประเทศจำนวนมาก หลังจากยุค 1970 แนวทางของผลงานได้เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง โดยเน้นการเขียนต่อต้านรัฐบาล และนอกจากนี้ยังถูกเรียกว่าเป็น “ยุคทองแห่ง ฟิคชั่นวิทยาศาสตร์”โดยนิยายหลายเรื่องได้ถูกประเทศในแถบยุโรปนำไปดัดแปลง นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ อาทิ ไอแซค บาเบล(Isaac Babel), วลาดิมีร์ มายาคอฟสกี้ (Vladimir Mayakovsky), บอริส ปาสเตอนาค (Boris Pasternak)



ทะเลสาบไบคาล: ตำนาน ชนเผ่า และความงดงามแห่งธรรมชาติ

ทะเลสาบไบคาล: ตำนาน ชนเผ่า และความงดงามแห่งธรรมชาติ ทะเลสาบไบคาล: มหัศจรร...